วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับประเทศฟิลิปปินส์

ตราแผ่นดิน

ตราแผ่นดินของฟิลิปปินส์ (Coat of Arms of the Philippines) มีลักษณะเป็นพระอาทิตย์มีรัศมีแปดแฉกซึ่งแสดงถึงจังหวัดทั้งแปด (บาตันกัส บูลาจัน กาวิเต มะนิลา ลากูนา นูเอวา เอจิยา ปัมปางาและตาร์ลัก) ซึ่งอยู่ภายใต้กฎอัยการศึกระหว่างการปฏิวัติฟิลิปปินส์ และดาวห้าแฉกสามดวงแสดงถึงเขตทางภูมิศาสตร์หลักสามแห่งคือลูซอน วิซายา และ มินดาเนา พื้นสีน้ำเงินทางด้านซ้ายมีนกอินทรีของสหรัฐอเมริกาและพื้นสีแดงทางด้านขวามีสิงโตของสเปน ซึ่งแสดงถึงประวัติศาสตร์ในการเป็นอาณานิคม การออกแบบนี้คล้ายกับการออกแบบโดยเครือรัฐแห่งฟิลิปปินส์เมื่อ พ.ศ. 2483
คำที่อยู่ในผ้าแถบมีการเปลี่ยนแปลงไป ตั้งแต่ฟิลิปปินส์ได้รับเอกราช จากการได้รับเอกราชเมื่อ พ.ศ. 2489 – 2515 จนถึงเฟอร์ดินาน มาร์กอสประกาศกฎอัยการศึก ผ้าแถบมีคำว่า "REPUBLIC OF THE PHILIPPINES." จาก พ.ศ. 2522 จนถึงการสิ้นสุดอำนาจของมาร์กอสเมื่อ พ.ศ. 2529 ในผ้าแถบมีคำว่า "ISANG BANSA ISANG DIWA" (หนึ่งชาติ หนึ่งสปิริต) เมื่อมาร์กอสสิ้นสุดอำนาจลง ในผ้าแถบเปลี่ยนไปใช้คำว่า "REPUBLIKA NG PILIPINAS" ใน พ.ศ. 2541 รูปนกอินทรีและสิงโตถูกตัดออกไป แต่ตราที่ถูกดัดแปลงนี้ไม่ได้ใช้อย่างแพร่หลาย


ธงชาติ


ธงชาติฟิลิปปินส์ (ตากาล็อกPambansang Watawat ng Pilipinas) มีลักษณะเป็นธงสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 1 ส่วน ยาว 2 ส่วน ตอนต้นธงเป็นรูปสามเหลี่ยมสีขาว ภายในมีรูปดวงอาทิตย์รัศมี 8 แฉก ล้อมด้วยดาวห้าแฉก 3 ดวง ตามมุมของรูปสามเหลี่ยม รูปเหล่านี้เป็นสีทอง ส่วนทีเหลือของธงนั้นเป็นแถบแบ่งครึ่งตามด้านยาวของธง ครึ่งบนพื้นสีน้ำเงิน ครึ่งล่างพื้นสีแดง หากแถบทั้งสองสีนี้สลับตำแหน่งกัน คือ แถบสีแดงอยู่บน แถบสีน้ำเงินอยู่ตอนล่าง แสดงว่าประเทศฟิลิปปินส์อยู่ในภาวะสงคราม

ชื่อทางการ                            : สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ (Republic of the Philippines)
เมืองหลวง                            : มะนิลา (Manila)
ศาสนาประจำชาติ                   : ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก
ดอกไม้ประจำชาติ                   : พุดแก้ว (Sampaguita Jasmine)
วันชาติ                                 : 12 มิถุนายน
วันที่เป็นสมาชิกอาเซียน           : 8 สิงหาคม พ.ศ.2510 (สมาชิกก่อตั้ง)
ภาษาประจำชาติ                     : ภาษาฟิลิปิโน
ภาษาราชการ                         : ภาษาฟิลิปิโน และภาษาอังกฤษ




เพลงชาติฟิลิปปินส์




ประวัติศาสตร์ประเทศฟิลิปปินส์

ระวัติศาสตร์ฟิลิปปินส์

ยุคก่อนประวัติศาสตร์


     หลักฐานทางโบราณคดีและโบราณชีววิทยาบ่งบอกว่ามีมนุษย์โฮโมเซเปียนส์ เคยอาศัยอยู่ในเกาะปาลาวันตั้งแต่ประมาณ 50,000 ปีก่อน ชนเผ่าที่พูดภาษาในตระกูลออสโตรนีเซียนซึ่งมีถิ่นกำเนิดอยู่บนเกาะฟอร์โมซา (Formasa) หรือไต้หวันในปัจจุบันได้อพยพโดยทางเรือเข้ามาตั้งรกรากในหมู่เกาะฟิลิปปินส์ และจัดตั้งเส้นทางเครือข่ายการค้ากับเอเชียอาคเนย์ส่วนที่เหลือทั้งหมดตั้งแต่ 5,000 ปีก่อนคริสตกาล สภาพดั่งเดิมของฟิลิปปินส์ อยู่ในสภาพของยุคหินใหม่ ยังไม่ได้รับอิทธิพลของอารยธรรมอินเดียและจีน ดังเช่นประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชนชาวพื้นเมืองดั่งเดิมเป็นชนเชื้อสายอินโดนีเซีย – มาเลย์เซีย ซึ่งอพยพเข้ามาตั่งถิ่นฐานบริเวณเกาะต่าง ๆ ของฟิลิปปินส์ การมาตั้งถิ่นฐานนั้น มาโดยเรือเป็นกลุ่ม ๆ แต่ละกลุ่มแยกย้ายไปตั้งหมู่บ้านเรีนกว่า บารังไก (Barangay) ตามชื่อเรือที่ใช้อพยพมา มีหัวหน้าหมู่บ้านเรียกว่า ดาดู (Datu) ซึ่งเคยเป็นกัปตันเรือ การตั้งหมู่บ้านจะกระจายไปตามเกาะ ทำให้การติดต่อระหว่างกันไม่ค่อยมี ส่วนในด้านการปกครองนั้นเป็นแบบพ่อปกครองลูก โครงสร้างทางการปกครองเป็นแบบง่าย ๆ มี 4 ชนชั้นคือ ดาตู แลครอบครัว ขุนนาง อิสระชน ทาส ในส่วนของกฎหมายและกฎระเบียบการปกครองนั้นยังไม่มี สถาบันที่สำคัญคือ ศาสนา ซึ่งมีพ่อมดหมอผีเป็นผู้มีอิทธิพลในสังคม จากการนับถ่อศาสนาเป็นแบบ นับถือภูตผี บูชาธรรมชาติ พวกเขาเชื่อว่ามีพระผู้สร้างโลกสูงสุด คือ บาฮารา (Bathala) และบาอารามีสาวก ฝ่ายดีและฝ่ายชั่ว เรียกว่า ดิวาทาส (Diwatas) เป็นผู้กำหนดการประกอบพิธีบวงสรวง เทพฝ่ายดีและฝ่ายชั่วคือ พ่อมด หมอผี ว่าจะประกอบพิธีเมื่อไหร่ ที่ใด สถานที่ประกอบพิธีนั้นไม่มีเฉพาะ พ่อมด หมอผีจะเป็นผู้กำหนด ที่เป็นดังนี้เพราะสภาพภูมิศาสตร์ และสภาพธรรมชาติของหมู่เกาะ ซึ่งฟิลิปปินส์นั้นมีภัยธรรมชาติอยู่เนือง ๆ จึงทำให้พ่อมด หมอผีมีอิทธิพลต่อประชาชนมาก และมากกว่าหรือเท่ากับดาตู อีกทั้งยังได้รับค่าประกอบพิธี เครื่องเส้นสังเวยจากประชาชนเป็นจำนวนมาก ทางด้านเศรษฐกิจนั้น ประชาชนทำการเกษตรและการประมง ไม่มีการค้าขาย มีแต่การแลกเปลี่ยนสินค้า และไม่มีการใช้เงินตรา นาน ๆ ครั้งจะมีพ่อค้าต่างชาติแวะมาจอดเรือแลกเปลี่ยนสินค้า

ยุคอิสลาม


นับแต่คริสต์ศตวรรษที่ 9 ศาสนาอิสลามได้แผ่เข้าสู่หมู่เกาะทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์หรือมานบูลาส แล้วครั้นถึงปี ค.ศ. 1380 ชาวมุสลิมก็สามารถสถาปนารัฐอิสลามขึ้นในหมู่เกาะซูลู โดยมีนักเผยแผ่ศาสนาที่ชื่อ ชันค์ ชะรีฟ กะรีม มัคดุม เข้ามาเผยแผ่อิสลามในหมู่เกาะต่างๆ ของซูลู ก่อนหน้านั้นเป็นเวลานาน จนกระทั่ง ซัยยิด อบูบักร อิบนุ ชะรีฟ มุฮำหมัด อิบนิ อะลี อิบนี ซัยบิลอาบีดีน ได้เดินทางจากรัฐสุลต่านแห่งยะโฮร์ (Johor) มายังหมู่เกาะซูลูในราวปี ค.ศ. 1450 ซัยยิด อบูบักรได้มาถึงซูลูหลังจากรายา บะกินดา จากมินังกะเบา สุมาตรา ได้ลงพำนัก และเผยแผ่ศาสนาอิสลามในหมู่เกาะซูลูเป็นเวลาหลายปีมาแล้ว ซัยยิด อบูบักรได้สมรสกับบุตรีของรายาบะกินดา ที่มีนามว่า ประไหมสุหรี เมื่อรายาบะกินดา สิ้นชีวิต ซัยยิด อบูบักร ก็กลายเป็นผู้สืบทอดอำนาจและได้รับการขนานนามว่า สุลต่านแห่งซูลู

ยุคอาณานิคมสเปน

เฟอร์ดินานด์ มาเจลลัน มาถึงหมู่เกาะฟิลิปปินส์ในปี ค.ศ. 1521 (พ.ศ. 2064มีเกล โลเปซ เด เลกัซปี มาถึงฟิลิปปินส์ในปี ค.ศ. 1565 (พ.ศ. 2108) และตั้งชุมชนชาวสเปนขึ้น ซึ่งนำไปสู่การตั้งอาณานิคมในเวลาต่อมา หลังจากนั้น นักบวชศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกได้แปรศาสนาของชาวเกาะทั้งหมดให้หันมานับถือศาสนาคริสต์ ในช่วง 300 ปีนับจากนั้น กองทัพสเปนได้ต่อสู้กับเหตุการณ์กบฏต่าง ๆ มากมาย ทั้งจากชนพื้นเมืองและจากชาติอื่นที่พยายามเข้ามาครอบครองอาณานิคม ซึ่งได้แก่ อังกฤษ จีน ฮอลันดา ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น และโปรตุเกส สเปนสูญเสียไปมากที่สุดในช่วงที่อังกฤษเข้าครอบครองเมืองหลวงเป็นการชั่วคราวในช่วงสงครามเจ็ดปี (Seven Years' War) หมู่เกาะฟิลิปปินส์อยู่ใต้การปกครองของสเปนในฐานะอาณานิคมของสเปนใหม่ (New Spain) นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1565 (พ.ศ. 2108) ถึงปี ค.ศ. 1821 (พ.ศ. 2364) และนับจากนั้นฟิลิปปินส์ก็อยู่ใต้การปกครองของสเปนโดยตรง การเดินเรือมะนิลาแกลเลียน (Manila Galleon) จากฟิลิปปินส์ไปเม็กซิโก เริ่มต้นขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 16 และหมู่เกาะฟิลิปปินส์เปิดตัวเองเข้าสู่การค้าโลกในปี ค.ศ. 1834

ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับฟิลิปปินส์/ประชากร

ศาสนา/ภาษาประจำชาติ

จากข้อมูลในปี พ.ศ. 2556 พบว่า ฟิลิปปินส์มีประชากรอยู่ราว 98 ล้านคน โดยร้อยละ 83 นับถือศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาธอลิก, ร้อยละ 9 นับถือศาสนาคริสต์ นิกายโปรเตสแตนท์ อีกร้อยละ 5 นับถือศาสนาอิสลาม และที่เหลือนับถือสิ่งศักดิ์สิทธิตามความเชื่อต่าง ๆ ชาวฟิลิปปินส์ใช้ภาษาฟิลิปิโน (Filipino) และภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ โดยมีภาษาประจำชาติคือ ภาษาตากาล็อก และมีดอกพุดแก้ว (Sampaguita Jasmine) เป็นดอกไม้ประจำชาติ วันชาติของฟิลิปปินส์ ตรงกับวันที่ 12 มิถุนายน ของทุกปี


ดอกพุดแก้ว (Sampaguita Jasmine)



ประชากร

         ชาวฟิลิปปินส์ในปัจจุบัน มีรูปร่างหน้าตาคล้ายพวกมองโกล ผสมผสาน มีผิวสีน้ำตาล แต่บางกลุ่มมีผิวค่อนข้างขาว ซึ่งการที่ชาวฟิลิปปินส์มีลักษณะที่แตกต่างกันนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากความซับซ้อนของเผ่าพันธุ์ อันเกิดจากการผสมผสาน ระหว่างเชื้อชาติต่าง ๆ ทั้งจากชนเผ่าดั้งเดิม ซึ่งเป็นมนุษย์ชวา (Java man) ที่อาศัยอยู่ตามหมู่เกาะฟิลิปปินส์มาตั้งแต่ยุคน้ำแข็ง (Ice Age) ร่วมถึงชนเผ่าอินโดนีเซีย ที่ได้เดินทางเข้ามาอาศัยอยู่บนเกาะฟิลิปปินส์ จนกลายเป็นชนเผ่าพื้นเมืองในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีชาวต่างชาติอีกหลายกลุ่มที่เข้ามาอาศัยตั้งรกรากอยู่ที่เกาะฟิลิปปินส์ เช่น ชาวมาเลย์ ชาวจีน ชาวสเปน ชาวโปรตุเกส ชาวฮอลันดา และชาวอังกฤษ เป็นต้น



           ทั้งนี้ ประชากรส่วนใหญ่ คือร้อยละ 60 ประกอบอาชีพเกษตรกร แต่เนื่องจากภูมิประเทศเป็นหมู่เกาะ พื้นที่เพาะปลูกมีเพียง 15-27% เท่านั้น ดังนั้น ชาวฟิลิปปินส์จึงนิยมทำเกษตรกรรมแบบขั้นบันได ขณะที่ชาวฟิลิปปินส์อีกกลุ่มหนึ่งจะนิยมไปประกอบอาชีพในต่างประเทศ ทำให้ฟิลิปปินส์พึ่งพารายได้จากแรงงานฟิลิปปินส์ในต่างประเทศ เพื่อการพัฒนาประเทศเป็นส่วนใหญ่








ชุดประจำชาติของประเทศฟิลิปปินส์




          ผู้ชายจะนุ่งกางเกงขายาวและสวมเสื้อที่เรียกว่า บารอง ตากาล็อก (barong Tagalog) ซึ่งตัดเย็บด้วยผ้าใยสัปปะรด มีบ่า คอตั้ง แขนยาว ที่ปลายแขนเสื้อที่ข้อมือจะปักลวดลาย ส่วนผู้หญิงนุ่งกระโปรงยาว ใส่เสื้อสีครีมแขนสั้นจับจีบยกตั้งขึ้นเหนือไหล่คล้ายปีกผีเสื้อ เรียกว่า บาลินตาวัก (balintawak)


พาไปชม 10 ชุดประจำชาติอาเซียน

บารอง ตากาล็อก - ประเทศฟิลิปินส์


พาไปชม 10 ชุดประจำชาติอาเซียน
บาลินตาวัก - ประเทศฟิลิปินส์

ลักษณะทางภูมิศาสตร์


ภูมิศาสตร์


ฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่ประกอบไปด้วยเกาะน้อยใหญ่ที่มีมากถึง 7,107 เกาะ ซึ่งเมื่อรวมแล้วจะมีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 300,000 ตารางกิโลเมตร (เป็นพื้นดิน 298,170 ตารางกิโลเมตร) ถ้าลองเทียบขนาดแล้วก็จะมีขนาดประมาณ 3 ใน 5 ของประเทศไทย ประเทศแห่งนี้ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก ทางทิศเหนือและทิศตะวันตกติดกับทะเลจีนใต้ ทางทิศใต้และทิศตะวันออกติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก


ภูมิประเทศ
         หมู่เกาะของฟิลิปปินส์จะเป็นหมู่เกาะของเทือกเขาหินใหม่ ทำให้มักเกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิดอยู่บ่อยครั้ง และในปัจจุบันนี้ก็ยังมีภูเขาไฟที่พร้อมจะปะทุอยู่อย่างน้อย 22 ลูก โดยเฉพาะภูเขาไฟมายอน (Mayon) พินาตูโบ (Pinatubo) และทาล (Taal) นอกจากนี้ฟิลิปปินส์ยังมีที่ราบแคบๆ ซึ่งจะมีที่ราบที่สำคัญก็คือ ที่ราบตอนกลางของเกาะลูซอนที่เรียกว่า ที่ราบมะนิลา ถือเป็นที่ราบที่ใหญ่ที่สุด
      ฟิลิปปินส์แบ่งออกเป็น 3 หมู่เกาะหลักๆ คือ ลูซอน (Luzon) เป็นหมู่เกาะทางตอนเหนือของประเทศ วิสายาส์ (Visayas) อยู่ทางตอนกลางของประเทศ และ มินดาเนา (Mindanao) อยู่ทางตอนใต้
นาขั้นบันไดแห่งเทือกเขาฟิลิปปินส์

เกาะโบราไกย์


เมืองหลวงประเทศฟิลิปปินส์

ภูมิอากาศ
ฟิลิปปินส์ตั้งอยู่ในพื้นที่มรสุมเขตร้อน มี 3 ฤดูกาลคือ 
ฤดูร้อน (ช่วงเดือนมีนาคม - พฤษภาคม)
ฤดูฝน (ช่วงเดือนมิถุนายน - ตุลาคม)
ฤดูหนาว (ช่วงเดือนพฤศจิกายน - กุมภาพันธ์)


เศรษฐกิจ

 หน่วยเงินตรา

เปโซ โดย 1 เปโซ มีค่าราว 2.40 บาท (ข้อมูล ณ วันที่ 13 พฤศจิกายน 2556) 



ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) 

  423.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ข้อมูลเมื่อ พ.ศ. 2555) โดยมี GDP รายหัวอยู่ที่ 4,300 ดอลลาร์สหรัฐ (ข้อมูลเมื่อ พ.ศ. 2555)

สินค้าส่งออกที่สำคัญ

สินค้าส่งออกที่สำคัญของฟิลิปปินส์มีหลายประเภท ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์สารกึ่งตัวนำและอุปกรณ์ไฟฟ้า, อุปกรณ์การขนส่ง, เสื้อผ้าสำเร็จรูป, ผลิตภัณฑ์ทองแดง, ผลิตภัณฑ์จากปิโตรเลียม, น้ำมันมะพร้าว และผลไม้  โดยมีมูลค่าการส่งออก 50.96 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ข้อมูลเมื่อ พ.ศ. 2555) คู่ค้าที่สำคัญคือ ญี่ปุ่น, สหรัฐฯ, ฮ่องกง, สิงคโปร์, จีน และเกาหลีใต้


สินค้านำเข้าที่สำคัญ

ฟิลิปปินส์มีการนำเข้าสินค้าประเภท ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า, แร่เชื้อเพลิง, เครื่องจักรและอุปกรณ์การขนส่ง, เหล็กและเหล็กกล้า, สิ่งทอ, ธัญพืช, เคมีภัณฑ์ และพลาสติก โดยมีประเทศคู่ค้าที่สำคัญคือ สหรัฐฯ, ญี่ปุ่น, ไต้หวัน, สิงคโปร์, จีน, เกาหลีใต้ , ไทย, อินโดนีเซีย และมาเลเซีย


อาหารการกิน

อาหารฟิลิปปินส์

    อาหารฟิลิปปินส์ ประกอบด้วยอาหาร วิธีการเตรียมและประเพณีการรับประทานอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ของประเทศฟิลิปปินส์ รูปแบบของการทำอาหารและอาหารที่เกี่ยวข้องมีการพัฒนาตลอดระยะหลายศตวรรษจากวัฒนธรรมดั้งเดิมของกลุ่มชนที่พูดภาษาในตระกูลออสโตรนีเซียนผสมกับอาหารสเปนและโปรตุเกส จีน อเมริกัน และอาหารอื่น ๆ ในเอเชียที่ปรับให้เข้ากับส่วนผสมพื้นเมืองและความนิยมในท้องถิ่น
     อาหารมีตั้งแต่ง่ายมาก เช่น ปลาทอดเค็มและข้าวและอาหารที่มีความประณีต อาหารยอดนิยมฟิลิปปินส์ยอดนิยมได้แก่ เลโชน (lechón หมูย่างทั้งตัว), ลองกานีซา (longganisa ไส้กรอกฟิลิปปินส์) ตาปา (tapa ทำจากเนื้อวัว) ตอร์ตา (torta ไข่เจียว) อะโดโบ (adobo ไก่และ / หรือหมูต้มในกระเทียม น้ำส้มสายชู น้ำมัน และซอสถั่วเหลืองเคี่ยวจนแห้ง) กัลเดเรตา (kaldereta สตูว์เนื้อในซอสมะเขือเทศ) เมชาโด (mechado เนื้อ ปรุงกับถั่วเหลืองและซอสมะเขือเทศ)โปเชโร (pochero กล้วยและเนื้อในซอสมะเขือเทศ) อะฟริตาดา (afritada ไก่หรือหมูในซอสมะเขือเทศกับผัก) กาเร-กาเร (kare - kare หางวัว และผักสุกในซอสถั่วลิสง) พาตากรอบ (ขาหมูทอด )ฮาโมนาโด (hamonado หมูหวานในซอสสับปะรด) อาหารทะเลในน้ำซุปรสเปรี้ยว ปันสิท( pancit ก๋วยเตี๋ยว) และลุมเปีย (lumpia ปอเปี๊ยะสดหรือทอด)

หมูทอดอโดโบ้

อร่อยล้ำกับเมนูเด็ดของ  10 ประเทศอาเซียน

อโดโบ้ - ประเทศฟิลิปปินส์


          อโดโบ้ (Adobo) เป็นอาหารยอดนิยมของประเทศฟิลิปปินส์ ทำจากเนื้อหมู หรือเนื้อไก่ ที่ผ่านการหมัก และปรุงรส โดยจะใส่น้ำส้มสายชู ซีอิ๊วขาว กระเทียมสับ ใบกระวาน พริกไทยดำ นำไปทำให้สุกโดยอบในเตาอบ หรือทอด แล้วนำมารับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ
        ในอดีตอาหารจานนี้เป็นที่นิยมในหมู่นักเดินทาง เนื่องจากส่วนผสมของอโดโบ้สามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน เหมาะสำหรับพกไว้เป็นเสบียงอาหารระหว่างการเดินทาง ซึ่งปัจจุบันอโดโบ้ได้กลายเป็นอาหารยอดนิยมที่นำมารับประทานกันได้ทุกที่ทุกเวลา

การท่องเที่ยว


ในด้านการท่องเที่ยว ฟิลิปปินส์มีสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลายทั้งภายในเมือง และสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติในหมู่เกาะต่าง ๆ ดังเช่น เกาะโบราเคย์ (Boracay Island) ซึ่งได้รับการประกาศให้เป็นเกาะที่สวยที่สุดในโลก ที่นักท่องเที่ยวจะได้พบกับชายหาดชั้นเยี่ยมหลายหาด เช่น หาดยาพัค ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องของเปลือกหอยที่ขาวสะอาด หรือจะเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินยอดนิยมอย่างหาดไวท์ รวมทั้งหากบาลิงไฮที่ค่อนข้างจะมีความเป็นส่วนตัวสูง เหมาะสำหรับคู่รักฮันนีมูนอย่างที่สุด


Boracay Island


           นอกจากนี้ยังมี เกาะปาลาวัน (Palawan Island) ซึ่งเป็นเหมือนศูนย์กลางของนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบในธรรมชาติ ดึงดูดผู้คนให้มาเยือนด้วยท้องทะเลกันงดงามและหาดทรายขาวสะอาดอันเป็นเอกลักษณ์ ยิ่งไปกว่านั้น ในเกาะปาลาวันยังเป็นสถานที่ดำน้ำยอดนิยมเพื่อดำชมปะการังและสัตว์ต่าง ๆ ใต้ท้องทะเลอีกด้วย 

           และสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวภายในเมือง กรุงมะนิลา ก็คือจุดหมายหนึ่งที่จะพลาดไม่ได้ เพราะในเมืองหลวงของฟิลิปปินส์แห่งนี้ มีกลิ่นอายของทั้งความเก่าแก่และความทันสมัยปะปนกันอยู่ โดยสถานที่ยอดนิยมคือบริเวณที่มีกำแพงล้อมที่เรียกว่า อินทรามูรอส(Intramuros) ซึ่งเป็นเมืองหลวงในสมัยที่อยู่ใต้อาณานิคมของสเปนอินทรามูรอสยังคงรักษาคุกใต้ดินและห้องเก็บดินปืนเก่าแก่เอาไว้ 

           ภายในเมืองแห่งนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ ร้านค้า สวนสาธารณะและโบสถ์ต่าง ๆ มากมาย โดยแหล่งช้อปปิงที่มีชื่อเสียงที่สุดของกรุงมะนิลาก็คงหนีไม่พ้น มาคาติ (Makati) ย่านธุรกิจชั้นนำของกรุงมะนิลา ที่มีโรงแรมระดับ 5 ดาวมากมาย รวมไปถึงห้างสรรพสินค้าใหญ่ ๆ ถึง 4 แห่ง และร้านค้าปลีกย่อยอีกมากมาย

           ส่วนใครที่ชื่นชอบสถานที่ทางประวัติศาสตร์ ขอแนะนำให้เดินทางไปยัง สวนไรซาล (Rizal Park) หรือ ลูเนตา (Luneta) ซึ่งเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์ โฮเซ่ ไรซาล (Jose Rizal) ผู้นำในการปลดแอกฟิลิปปินส์จากสเปนในช่วง พ.ศ. 2439-2441 และในบริเวณเดียวกันก็เป็นจุดที่ฟิลิปปินส์ประกาศอิสรภาพเหนือสหรัฐอเมริกาในปี  พ.ศ. 2484 ด้วย